วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559



                                                        บทความ

เรื่อง ศิลป์ศาสตร์งานทอผ้า ภูมิปัญญา ละว้า-กะเหรี่ยง
     

       
          เสื้อผ้า คือ เครื่องแต่งกายที่ควรสวมใส่ไว้เพื่อความสวยงามและเพื่อใช้ ปกปิดร่างกายของตนเอง ในขณะเดียวกันมนุษย์เราต่างก็มีหลากหลายชนเผ่า เช่น ชนเผ่ากะเหรี่ยง ชนเผ่าม้ง เป็นต้น  แต่ละเผ่าต่างก็มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เช่น  วัฒนธรรมการแต่งกาย ลักษณะความเป็นเฉพาะเผ่า แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์บวกกับวัฒนธรรมภูมิปัญญาและสภาพที่ตั้งของแต่ละเผ่าที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันจึงทำให้เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรมการแต่งกาย

      ชนเผ่ากะเหรี่ยงและชนเผ่าละว้าเป็นชนเผ่าที่มีความหลากหลายทางภาษาและมีศาสนาความเชื่อที่ต่างกัน กะเหรี่ยงดั้งเดิมจะนับถือผี เชื่อในเรื่องต้นไม้ ละว้าก็เช่นเดียวกันที่มีความเชื่อในเรื่องของผีแต่อาจมีความแตกต่างจากชาวกะเหรี่ยงในบางส่วน


      งานทอผ้าละว้าทั้งในอดีตและปัจจุบันยังคงใช้กี่ขนาดเล็กที่เรียกว่า กี่เอว ใช้เป็นอุปกรณ์ในการทอผ้า ฝ้ายและด้ายที่ใช้ในการทอผ้ามีทั้งฝ้ายที่ถูกปลูกเองและซื้อมา เช่นเดียวกับสีที่ใช้ในการทอผ้าจะได้จากสีธรรมชาติและสีเคมี
      ลวดลายผ้าของชาวละว้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะพบเพียง 2 ลาย คือ ลายเส้นที่เกิดจากการมัดย้อมเส้นยืนบนผืนผ้าซิ่นและอีกลายหนึ่งคือ ลายข้าวหลามตัดซึ่งทอไว้เป็นผ้าคลุมศพคนตาย
      งานทอผ้าของชาวกะเหรี่ยงนิยมใส่เสื้อผ้าฝ้ายทอมือ ชาวกะเหรี่ยงนั้นจะปลูกฝ้ายเอง ซึ่งการย้อมผ้าของชาวกะเหรี่ยงนั้นจะนำฝ้ายมั่นเส้นด้ายแล้วย้อมด้วยสีธรรมชาติ สร้างลวดลายด้วยการทอ การปักด้ายเส้นไหมและลูกเดือยลายที่นิยมนำมาทอและปักมี ๔ ลาย คือ โยห่อกือ เก่อเปเผลอะ ฉุ่ยข่อลอ และ ลายทีข่า ปัจจุบันมีลายที่ชาวกะเหรี่ยงนิยมนำมาทอคือ เก่อแนเดอ หรือ ลายรังผึ้ง และอีกลายหนึ่งคือ เส่อกอพอ หรือ ลายดอกมะเขือ
      การย้อมผ้าฝ้ายสีธรรมชาติของชาวกะเหรี่ยงจะใช้เปลือกไม้ที่เรียกกันว่า “ซาโกสะมอ” จะได้สีน้ำตาล และผล “มะขามป้อม” จะได้สีเทา
      ด้ายที่ใช้ในการทอผ้าของชาวกะเหรี่ยงได้แก่ เส้นไหมยืน หรือ เส้นไหมเรียบ เป็นเส้นไหมที่ต้องนำมาตีเกลียวอีกครั้งหนึ่ง และเส้นไหมพุ่ง แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ เส้นไหมเส้นเดียวแต่มีขนาดใหญ่ เช่น เส้นไหมดูเปี้ยน และ เส้นไหมพื้นเมือง หรือไหมเสามือ และยังมีอีกประเภทหนึ่งคือ เส้นไหมควบตีเกลียวโดยการนำเส้นไหมดิบหลายๆเส้นนำมาควบตีเกลียวให้มีจำนวนเกลียวประมาณ ๑๕๐-๑๘๐ เกลียวต่อเมตร

     ลวดลายผ้าได้แก่ ลายในเนื้อผ้า ลวดลายจะปรากฏเป็นเส้นนูนตามแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ ลวดลายสลับสีเป็นการทอผ้าแบบธรรมดา คือ ใช้ด้ายยืนและด้ายขวางจำนวนเท่าปกติแต่แทรกด้วยสีต่างๆสลับเข้าไป ลายจก เป็นการทอลวดลายโดยการสอดด้าย ลายขิด คือ การทอผ้าโดยให้ลวดลายที่ปรากฏเหมือนกันทั้งผืน ลักษณะของลายขิดจะเป็นแบบยกดอกในตัวโดยกำหนดสีตามด้ายยืน
        การทอธรรมดาหรือทอพื้นเป็นการทอลายขัดมีโครงสร้างหลักโดยการสอดด้ายขวางเข้าไประหว่างด้ายยืน การทอผ้าแบบเป็นลวดลาย ผ้าที่ชาวกะเหรี่ยงนิยมใช้ทอบ่อยๆส่วนใหญ่จะมีลวดลายประกอบทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์และความนิยม เช่น ลายแบบดั้งเดิม เป็นลวดลายโบราณที่นิยมสืบทอดต่อกันมา ลักษณะลวดลายเป็นรูปทรงเรขาคณิต ความสวยงามของลวดลายแบบดั้งเดิมต้องจกลวดลายให้เต็มพื้นที่ มีความนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน นิยมใช้สีสดใส เช่น สีขาว สีเหลือง สีเขียว และลายใหม่คือ ลายที่เกิดจากการคิดลายขึ้นมาใหม่หรือมีการประยุกต์ดัดแปลงจากโครงสร้างของลายเก่าให้กลายเป็นลายใหม่ หรือ ลายที่เกิดจาการทอผิดไปจากลวดลายเดิมแล้วเกิดเป็นลายใหม่
     งานทอผ้านั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น๒ ประเภท คือ งานทอผ้าที่แบ่งตามวัตถุดิบที่ใช้ในการทอและงานทอผ้าที่แบ่งตามกรรมวิธีในการทอ ผ้าที่ทอนั้นมีความสำคัญเพราะผ้าทอนั้นช่วยตอบสนองความจำเป็นขั้นพื้นฐานของ อีกทั้งยังชี้ให้เห็นถึงความเป็นหญิงอย่างเด่นชัดเพราะในการทอผ้านั้นต้องใช้ความขยัน ความอดทน ความพยายาม ความประณีต ความละเอียดอ่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอุปนิสัยของหญิง เพราะฉะนั้นเราควรอนุรักษ์งานผ้าทอกะเหรี่ยง-ละว้า ไว้ให้อยู่กับเรายืนนาน และเราที่เกิดในรุ่นหลังๆเราควรฝึกทอผ้าเพื่อที่งานทอผ้าของเราจะมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น เป็นที่รู้จักของคนอื่นๆและทำให้คนต่างถิ่นนั้นสนใจในงานผ้าทอของเราและพวกเขาจะได้นำไปบอกกล่าวแก่คนอื่น

  แหล่งที่มา:https://souvenirbuu.wordpress.com    http://thairath.co.th/content/309171